การที่จะมีบ้านหรือคอนโดนั้น ในบางครั้งเราอาจมีเงินสดไม่มากพอที่จะซื้อได้ตอนนั้น หากคุณนั้นทำงานมีเงินเดือน หรือทำธุรกิจส่วนตัว สิ่งหนึ่งที่คุณพอจะทำได้ นั่นคือ การยื่นกู้กับธนาคาร แต่จะทำอย่างไรให้สามารถยื่นกู้ได้สำเร็จ วันนี้เราก็มีวิธีการดีๆมาฝาก
- เลือกธนาคารที่คุณต้องการจะกู้
การเลือกธนาคารที่จะกู้ หลักสำคัญคือ เรื่องของดอกเบี้ยและเงื่อนไขต่างๆของผู้กู้ด้วย ซึ่งสิ่งหนึ่งที่จะใช้ประกอบในการให้ดอกเบี้ยสูงหรือต่ำ นั่นคือ ประวัติการเงินของผู้กู้ หากมีเครดิตดี ธนาคารก็จะพิจารณาให้ดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า และก็สามารถยื่นกู้ได้ง่ายกว่าคนที่ติดเครดิตบูโรมาก่อน และก่อนที่จะเลือกธนาคารก็อาจจะดูในส่วนของการยื่นกู้ซื้อบ้านและคอนโดด้วยว่า ธนาคารไหนให้ดอกเบี้ยต่ำ และก็ถ้ากู้แล้วดอกเบี้ยจะคงที่ตลอดสัญญาหรือไม่
- ให้ไปติดต่อกับฝ่ายสินเชื่อของธนาคารโดยตรง
เพราะในบางครั้ง โครงการบ้านหรือคอนโดอาจจะมีการดีลกับธนาคารก็ได้ ทำให้เอื้อประโยชน์กับผู้ยื่นกู้ที่จะสามารถยื่นกู้ได้ง่ายขึ้นและส่งน้อย ดอกเบี้ยต่ำด้วย หรืออาจจะสอบถามกับโครงการที่เราต้องการจะยื่นกู้ก็ได้ ซึ่งจะช่วยให้เรากู้ได้สำเร็จมากยิ่งขึ้น
- เตรียมเอกสารให้พร้อม
เพื่อจะเริ่มดำเนินการขอสินเชื่อ เอกสารที่ทุกธนาคารจะใช้พิจารณาก็คล้ายๆกัน
- ทะเบียนบ้านตัวจริงพร้อมสำเนา
- ทะเบียนบ้านตัวจริงพร้อมสำเนา
- ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุลทั้งตัวจริงและสำเนา
- ทะเบียนสมรสหรือทะเบียนหย่าทั้งตัวจริงและสำเนา
- หนังสือรับรองเงินเดือนฉบับจริง
- บัญชีเงินฝากและstatement ย้อนหลัง 6 เดือน
- ถ้าหากเป็นเจ้าของกิจการก็จะใช้สำเนาทะเบียนการค้า หรือ หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล หากมีอาชีพเสริมก็ให้แสดงบัญชีอื่นๆนอกจากบัญชีเงินเดือนด้วย
- หลักฐานของบบ้านหรือคอนโดที่จะซื้อ คือ สำเนาโฉนดที่ดินหรือสำเนาแดงกรรมสิทธิ์ห้องชุด
- สำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย และรายละเอียดทรัพย์ส่วนบุคคล เป็นต้น
- รอทางธนาคารมาประเมินสินทรัพย์เพื่อประกอบการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ และตรวจสอบความสามารถในการชำระเงินของผู้กู้ด้วย โดยจะส่งคนเข้าไปประเมินสินทรัพย์ในโครงการที่เรายื่นกู้ เป็นต้น
- เรื่องของค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้กับธนาคารและที่ดิน สิ่งนี้ก็ต้องสอบถามด้วยว่าต้องเสียเท่าไร เพราะว่าจะได้ยื่นกู้เผื่อเอาไว้เลย จะได้ไม่ต้องเสียเงินส่วนต่างมากเกินไปอีก
ทั้งหมดนี้ก็คือวิธีการที่จะช่วยให้คุณนั้นกู้เงินซื้อบ้านและคอนโดได้สำเร็จ และสิ่งที่มีผลต่อการพิจารณาเงินกู้มากที่สุด ก็คือ ประวัติการชำระเงินของผู้ขอสินเชื่อ เงินที่เข้าออกในบัญชีว่ามีความสม่ำเสมอหรือไม่ เพื่อให้การชำระเงินเป็นไปด้วยความราบรื่นต่อไป