การจัดสวนในบ้าน บ่งบอกความเป็นตัวคุณ

เข้าชม 😲  3105 ครั้ง, ประกาศเมื่อ 25 ก.พ. 2560

การจัดสวนในบ้าน บ่งบอกความเป็นตัวคุณ: การจัดสวนภายในบ้านเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ทั้งคนที่อยู่บ้านส่วนตัว คอนโด แม้แต่อาคารพาณิชย์เองก็เช่นเดียวกัน เนื่องจากปัจจุบันอากาศร้อนขึ้นเป็นอย่างมากและที่สำคัญสำหรับคนเมืองกรุง มองไปที่ไหนก็น้อยนักที่จะได้เห็นต้นไม้เขียวขจี สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ได้ผุดขึ้นอย่างรวดเร็วบดบังทัศนียภาพธรรมชาติดั้งเดิมจนหมดสิ้น หลายๆ ท่านจึงหันมาจัดสวนภายในบ้านสีเขียวของต้นไม้เมื่อมองก็รู้สึกเย็นตา อีกทั้งให้อารมณ์ที่ผ่อนคลายอีกด้วย การจัดสวนนั้นก็มีหลายแบบตามเนื้อที่ และความชอบแบบส่วนตัวของแต่ละท่าน เช่น การจัดส่วนหญ้าเทียม สวนหิน สวนน้ำ ไม้พุ่ม ไม้ดอก โมเดิ้ล วินเทจ และอื่นๆ อีกมากมาย ในที่นี้เราจะมาพูดถึงวัสดุและพันธ์พืชต่างๆ รวมทั้งอารมณ์ที่ได้จากการจัดสวนด้วยครับ เอ๊ะ! อารมณ์แบบไหนเดี๋ยวไปดูกัน

ภาพที่ 1

หากจะหาวิธีที่ทำให้ผู้อ่านเข้าใจมากที่สุดก็คงหนีไปไม่พ้นการอธิบายด้วยภาพ การจัดสวนอันดับต้นๆ ที่ควรคำนึงถึงเลยคือสุขภาพของผู้อยู่อาศัย เป็นสิ่งที่สำคัญที่เราหลายๆ คนมองข้าม ควรตรวจดูก่อนว่ามีสมาชิกในบ้านเคยมีอาการแพ้ละอองเกสรดอกไม้หรือเปล่า ถ้ามีขอแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการใช้ไม้ดอกในการตกแต่ง ควรหันมาใช้ไม่ประดับแทน เช่น ต้นโกสน ต้นวาสนา ต้นหมาก ต้นพลูด่าง เป็นต้น เพราะว่าต้นไม้พวกนี้ไม่มีดอกและเกสร ทำให้ผู้เป็นภูมิแพ้ละอองเกสรดอกไม้ไม่รู้สึกระคายเคืองผิวและคัดจมูกแต่อย่างใด ตัวอย่างในภาพที่ 1 2 และ 3 เราจะสังเกตได้ว่าไม่มีการใช้ไม้ดอกในการจัดสวนเลย บางส่วนอาจเป็นเพราะว่ามีสมาชิกในครอบครัวมีอาการแพ้ละอองเกสรดอกไม้นั่นเอง

ภาพที่ 2

เรื่องถัดมาเป็นการใช้วัสดุในรูปทรงต่างๆ หลายท่านอาจจะมองข้ามไป ตัวอย่างภาพที่ 3 และ 4 จะทำให้เห็นภาพชัดเจนที่สุด รูปที่ 3(ล่างซ้าย) เราจะเห็นรูปทรงที่เป็นเหลี่ยมค่อนข้างมากหรืออาจเรียกว่ารูปทรงทางเลขาคณิตก็ว่าได้ สี่เหลี่ยม วงกลม สี่เหลี่ยมผืนผ้า การจัดสวนที่ใช้รูปทรงลักษณะเหล่านี้ ทำให้ผู้มองรู้ถึงความเป็นระเบียบ เคร่งขรึม หรือรู้สึกคล้ายอยู่ในที่สาธารณะ การจัดสวนประเภทนี้ส่วนมากนิยมใช้กับสถานที่ราชการ สำนักงาน สวนสาธารณะ สวนอาหาร ให้ความรู้สึกกึ่งเป็นทางการอาจทำให้รู้สึกไม่ผ่อนคลายเท่าที่ควร

ภาพที่ 3

ในขณะเดียวกันภาพที่ 4 เป็นการจัดสวนสไตล์บ้านๆ ทั่วไป ใช้ไม้ดอกในการตกแต่งไม่มีการเล็มไม้ดอกไม้ประดับที่นำมาใช้ในการตกแต่ หากจะมีบ้างก็ใช้วิธีตัดส่วนที่ยื่นเกินออกมา เช่น ใบไม้ กิ่งไม้ ยื่นออกมาก็ตัดให้เป็นระเบียบให้เข้าที่ แต่ไม่ใช้การเล็มอย่างเช่นรูปที่ 3 การใช้หญ้าเพื่อปูเป็นสนามหญ้าหน้าบ้านก็มีที่นิยมกันอยู่ 3 ชนิด คือ หญ้านวลน้อย หญ้าญี่ปุ่น หญ้ามาเลย์ แต่ละชนิดก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป เราจะมาทำความรู้จักหญ้าทั้ง 3 ชนิดนี้กันครับ ชนิดแรก หญ้านวลน้อย เหมาะสำหรับบริเวณบ้านที่มีร่มไม้หรือต้นไม้ใหญ่ๆ มาก เพราะหญ้าชนิดนี้เหมาะกับสภาพแดดที่ไม่แรงมาก เหมาะกับที่กึ่งร่มกึ่งแดด ใบหญ้านุ่มกว่าหญ้าญี่ปุ่นปลูกได้ดีเกือบทุกสภาพดิน มีสีเขียวอ่อนทนร้อนและแล้งได้ดี ทนต่อการเหยียบของคนที่สัญจรไปมาได้อย่างดีและฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว การดูแลรักษาระยะเวลาในการตัดหญ้า 10-15 วัน ควรตัดเพราะถ้าเกินนั้นไปจะทำให้ดูไม่เป็นระเบียบและดูรก ระยะตัดควรห่างจากพื้นดิน 0.7-1.5 นิ้ว หญ้าชนิดนี้นิยมใช้ปลูกทำสนามฟุตบอล สถานที่ราชการ บริษัท ห้างร้าน สถานที่สาธารณะต่างๆ ทนต่อการเหยียบของผู้คนที่สัญจรไปมา ดูแลรักษาง่ายกว่าหญ้าชนิดอื่นๆ และปลูกได้ดีเกือบทุกสภาพดิน ชนิดถัดมาเป็นหญ้าญี่ปุ่น หญ้าชนิดนี้มี 2 ชนิด แบบใบกว้าง(4มิลลิเมตร) และแบบใบกลม วันนี้เราจะมาพูดถึงแบบใบกลมกัน เพราะเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยเป็นอย่างมาก หญ้าญี่ปุ่นชนิดใบกลม มีสีเขียวเข้มให้สัมผัสที่แข็ง หากถอดรองเท้าเดินเหยียบอาจรู้สึกระคายเคือง ใบเล็กละเอียดมีลักษณะเป็นแท่งกลมและแข็งทั้งในส่วนใต้ดินและบนดิน การดูแลรักษายากกว่าหญ้านวลน้อยเนื่องจากหญ้าชนิดนี้ต้องการน้ำมาก โตช้า ไม่ทนแล้งถ้าขาดน้ำติดต่อกันหลายวันใบจะเหลืองทันที ข้อดีคือ นานๆ ถึงตัดแต่งได้ เพราะโตช้า ทนต่อแมลง วัชพืชได้กว่าหญ้าอื่นๆ  หากเจริญเติบโตเต็มที่จะปกคลุมดินอย่างหนาแน่นทำให้ไม่มีพืชอื่นๆ เกิดขึ้นแทรกได้ ทำให้ไม่ยุ่งยากในการดูแลในส่วนนี้ ข้อเสียคือ ใช้น้ำเยอะในการดูแลรักษา ให้สัมผัสที่แข็ง โตช้า

ภาพที่ 4

มาถึงลำดับสุดท้ายคือหญ้ามาเลย์เชื่อว่าหลายๆ คนคงได้รู้จักกัน หญ้าชนิดนี้มีใบใหญ่กว่าหญ้าทุกชนิดมีขนาดตั้งแต่ 2 ถึง 6 มิลลิเมตร มีคุณสมบัติสามารถปรับตัวได้ดีในที่แห้งแล้ง มีสีเขียวอ่อน ใบแบน ขึ้นได้ดีในสภาพดินปานกลางไปจนถึงดี และเติบโตได้ในสถานที่ที่มีแสงน้อย เหมาะกับบ้านที่มีบริเวณเป็นเนินหรือที่ราบสูง ไม่เหมาะกับบริเวณที่ลุ่มหรือที่เองกระทะเพราะพืชชนิดนี้ไม่ชอบน้ำขัง เมื่อพืชชนิดนี้มีน้ำขังเป็นเวลานานๆ ใบจะลีบลง ใบแคระและเหลืองตายในที่สุด เป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก ไม่ทนต่อการเหยียบย้ำ เราจะเห็นได้ว่าหญ้าแต่ละชนิดนี้ก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันด้วย เหนือสิ่งอื่นใดควรดูสภาพภูมิอากาศและบริเวณบ้านว่าเหมาะกับพืชชนิดไหน เพื่อที่ว่าจะได้ไม่เสียเวลากับการบำรุงรักษามากจนเกินไปจนกลายเป็นภาระ ทำให้คุณไม่ต้องเป็นกังวลเวลาเดินทางไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศไกล เพราะถ้าหากเราเลือกปลูกพืชทนแล้งเราก็ไม่เป็นกังวลกับการรดน้ำ เพราะพืชทนแล้งนั้นขาดน้ำได้เป็นสัปดาห์ไปจนถึงหลายเดือน นี่เป็นตัวอย่างเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกใช้พืชพันธ์ต่างๆ มาประดับในบ้านของเราและช่วยแบ่งเบาภาระในเรื่องการดูแลรักษาอีกทางหนึ่งด้วย